Posts

เริ่มต้นด้วยการอธิบายการทำงานของ Power Delivery (PD) ทั่วไปก่อนนะ โดยปกติแล้ว adapter ที่รองรับเทคโนโลยี PD จะสามารถจ่ายไฟได้ตั้งแต่ 5V/9V/12V/15V/20V ตัวอย่าง adapter 30 วัตต์ ช่วงการจ่ายไฟก็จะประมาณนี้ 5V/3A 9V/3A **12V/2.5A ** 15V/2A 20V/1.5A สังเกตว่าโวลต์เพิ่มขึ้น กระแสก็จะลดลง เพื่อให้ทำงานได้สูงสุด 30 วัตต์นั้นเอง ซึ่งการที่ตัว adapter จะรู้ว่าควรจะปล่อยไฟกี่โวลต์นั้น ตัวอุปกรณ์ที่มาเชื่อมต่อจะทำการ trigger มาบอก adapter นั้นเอง ตัวอย่าง มือถือรองรับการชาร์จ PD 18W ก็จะส่งมาบอก adapter ให้ปล่อยไฟมาที่ 9V/2A = 18W Power Delivery Trigger Board Power Delivery Trigger Board เลยมีความสามารถในการ trigger ไปบอก adapter ได้ว่าต้องการไฟเท่าไหร่ โดยมีวิธีการกดใช้งานผ่านทางปุ่ม S+ S- S- จ่ายไฟ 9V S+ จ่ายไฟ 12V S+ S- จ่ายไฟ 20V กด trigger เสียบเมื่อไฟของบอร์ดติด ทำการดึงออกจะเป็นโหมดบันทึกการ trigger เมื่อไฟของบอร์ดติด ทำการกด S+ S- ค้างไว้ 1 วินาทีแล้วปล่อย จะเข้าสู่โหมดปรับแรงดันละเอียด เริ่มต้นจาก 5V - 20V สำหรับวิธีการประยุกต์ใช้งาน เช่น trigger 12V เพื่อนำไปจ่ายให้กับ router หรือ trigger 20V เพื่อนำไปใช้กับโน๊ตบุ๊ค น่าจะพอเห็นภาพเนอะ ส่วนถ้ายังไม่เพียงพออาจจะไปผ่าน DC step up/down ปรับละเอียดอีกครั้งก็ได้เหมือนกัน ...

Power Bank ตัวนี้จะเป็นรูปแบบ DIY นั้นก็คือจะมีแค่ตัวเครื่องเปล่าๆ ไม่มีแบตเตอรี่ข้างใน ซึ่งเราจำเป็นต้องมีแบตลิเธียมไอออน ขนาด 18650 โดยใส่แค่ก้อนเดียวก็สามารถใช้งานได้ และสูงสุด 16 ก้อน สำหรับ Power Bank ตัวนี้จะเป็น Model: C16-PD โดยมีความสามารถ Power Delivery และ QC3.0 โดยสามารถชาร์จไฟได้สูงสุด 18W ทั้งขาเข้าและขาออก ซึ่งจะมีอีกรุ่นนึงคือ C16-PD-QI ตัวนั้นจะมีความสามารถชาร์จไร้สาย 10W เพิ่มขึ้นมา และก็จะมีอีกรุ่นนึงหน้าตาเหมือนกันเลย แต่จะปล่อยไฟสูงสุดได้แค่ 5V 2.1A (ต้องอ่านรายละเอียดตอนสั่งดีๆเลยนะ)

สำหรับผู้ชายแล้วการใช้งานมีดโกนหนวดไฟฟ้า น่าจะเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างมาก เพราะถ้าเราไม่โกนหนวด แค่ประมาณ 2-3 วันเท่านั้นแหละ สภาพดูไม่ได้เลย ส่วนตัวผมนั้นเลือกใช้มีดโกนหนวดไฟฟ้า เพราะมันค่อนข้างประหยัด และใช้งานซ้ำได้หลายๆครั้ง ซึ่งผมใช้ของแบร์น ENCHEN ตอนนั้นน่าจะซื้อมาประมาณ 200 กว่าบาทนี้แหละ ใช้คุ้มมาก อายุการใช้งานประมาณปีกว่า ตอนนี้ก็ยังใช้งานได้ดีอยู่นะ ลืมบอกไป มันชาร์จแบตฯ ได้ด้วยนะ ผ่านทาง port type-c แต่ช่วงหลังรู้สึกว่ามันโกนหนวดไม่เกลี้ยง ตอนแรกก็คิดว่า ไหนๆก็ใช้งานคุ้มขนาดนี้แระ ซื้อใหม่เลยดีกว่า แต่…..พอไปค้นหาใน App Shopee มันมีเฉพาะใบมีดโกนขายด้วย! ราคาแค่ 99 บาท ไม่รอช้า กดสั่งซื้อ! จากนั้นเรามาเปลี่ยนใบมีดโกน Enchen Black Stone กันเถอะ

บ้านที่มีระบบ smart home นอกจากความสะดวก สบายแล้ว ก็คงปฏิเสธไม่ได้ว่า ต้องมีความปลอดภัย การติดกล้องวงจรปิดก็เพิ่มความปลอดภัยได้ระดับนึง ส่วนการเพิ่มความปลอดภัยให้ประตูบ้าน หน้าต่าง ด้วยอุปกรณ์ door sensor ก็เป็นการเพิ่มความปลอดภัยอีกชั้นนึง YDS22 เป็น door sensor ประเภท Zigbee เราจำเป็นต้องมี Gateway ในการรับสัญญาณ ซึ่งของผมใช้งานผ่านทาง Zigbee2MQTT ส่วนใครจะใช้งานผ่าน Gateway Tuya หรือ Sonoff ก็ได้เหมือนกัน แน่นอนว่า YDS22 เป็นเวอร์ชั่น Zigbee เรื่องการใช้พลังงานค่อนข้างต่ำ แบตฯอาจจะใช้งานได้เกือบปี ข้อดีอีกอย่างนึงคือ สามารถชาร์จแบตฯ ได้โดยสายชาร์จที่แถมมาให้ในกล่อง { "battery_low": false, "contact": true, "linkquality": 73, "tamper": false } Zigbee2MQTT State รายละเอียด State battery_low แจ้งเตือนแบตฯอ่อน contact สถานะเปิด-ปิด sensor linkquality ความแรงสัญญาณ zigbee tamper แจ้งเตือนเมื่อถูกถอด

สำหรับท่านที่ต้องตื่นมาเข้าห้องน้ำกลางดึก คงเจอกับปัญหา มองทางไม่เห็น จะเปิดไฟห้องน้ำก็แสบตา ใช้แสงแฟลชมือถือ ก็ไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่ วันนี้เราขอแนะนำวิธีแก้ปัญหาดังกล่าว โดยใช้ “หลอดไฟตรวจจับความเคลื่อนไหว” ติดไว้ตามทางเดิน หรือ ติดไว้ในห้องน้ำ หลักการทำงานของหลอดไฟ จะคอยตรวจจับความเคลื่อนไหว เมื่อเราเดินผ่าน ไฟก็ส่องสว่างขึ้นมา โดยจะสว่างประมาณ 25 วินาที และจะดับไปเอง กรณีตรวจจับการเคลื่อนไหวไม่ได้ โหมดการทำงาน โหมดการทำงาน ON (กด 1 ครั้ง) คือการเปิดใช้งานหลอดไฟ AUTO (กดอีกครั้ง) หลอดไฟจะกระพริบ คือการทำงานในโหมด ตรวจจับความเคลื่อนไหว OFF (กดอีกครั้ง!) ปิดการทำงานหลอดไฟ ข้อดีของหลอดไฟตัวนี้คือ จะทำงานเฉพาะในความมืดเท่านั้น หมดปัญหาการเดินผ่านในช่วงกลางวัน อีกทั้งตัวเครื่องสามารถชาร์จแบตฯ ผ่านทางสาย micro USB ที่แถมมาให้ในกล่อง

เนื่องจากพัดลมระบายความร้อน Raspberry​ pi4 ที่ใช้งานเป็น NAS DIY มีเสียงค่อนข้างดัง น่ารำคาญ! อีกทั้งอยากได้พัดลมระบายความร้อนให้แก่ HDD เลยไปเจอเจ้าพัดลมตัวนี้ ซึ่งเป็นพัดลมระบายความร้อนแก่ Router ใช้ไฟจาก USB ขนาดใหญ่ 12 ซม. และเสียงไม่ดัง! ก็เลยคิดว่านำมาประยุกต์ใช้กับ Raspberry​ pi4 และ HDD Docking น่าจะได้เช่นกัน ผลลัพธ์ที่ออกมาดีเกินคาด ระบายความร้อนได้ดีเลย ส่วนเรื่องเสียงเงียบมากเช่นกัน อุณหภูมิ CPUอุณหภูมิ HDD

จากบทความก่อนหน้านี้ หลังจากได้ลองใช้งานเมนู Energy ในส่วนของ Solar Panels ก็อยากจะต่อยอดไอเดียเพิ่มเติมอีกหน่อย ให้ระบบสามารถคำนวณค่าไฟฟ้าที่ micro grid tie ผลิตได้แต่ละเดือน แม้จะน้อยนิด ลองใช้งานเมนู Energy Home Assistant ก่อนอื่นเราต้องทำความเข้าใจ อัตราค่าไฟฟ้าของการไฟฟ้านครหลวง (MEA) แล้วเราต้องรู้ว่าบ้านเราใช้ไฟประเภทไหน (** สามารถดูได้จากบิลค่าไฟฟ้า)* บ้านผมเป็นแบบ “บ้านอยู่อาศัยอัตรา 1.2 (อัตราปกติ แบบก้าวหน้า)” ( อ่านเพิ่มเติม ) อัตราปกติปริมาณการใช้พลังงานไฟฟ้าเกินกว่า 150 หน่วยต่อเดือน สิ่งที่เราต้องทำความเข้าใจอีกอย่างคือ ไฟฟ้า 1 กิโลวัตต์ (1kWh) = 1000 วัตต์ (1000Wh) = 1 หน่วย นั้นหมายความว่า ถ้าเราผลิตไฟฟ้าได้ 250W เป็นเวลา 4 ชั่วโมง เราก็จะผลิตไฟฟ้าได้ 1 หน่วย นั่นเอง เริ่มต้น Configuration ทำการแก้ไขไฟล์ configuration.yaml sensor: platform: integration source: sensor.sonoff_10012eed24_power name: Omnik SMP600 unit_prefix: k round: 2 method: left จาก configuration ของเก่า unit_of_measurement: Wh ผมทำการปรับเพิ่มให้เป็น kWh เพื่อจะได้ง่ายต่อการคำนวณ ส่วน method: left จะค่อนข้างเก็บข้อมูลได้แม่นยำกว่า trapezoidal ซึ่งเป็นค่า default ( อ่านเพิ่มเติม ) ...

สำหรับใครที่กำลังมองหา SD Card เพื่อจะใช้งานถ่ายวิดีโอ 4K UHD หรืองานประเภทที่ต้องการความเร็วการเขียนข้อมูลเยอะๆ ผมขอแนะนำ Sandisk Extreme Pro ซึ่งทำความเร็วการเขียนสูงสุด 90MB/s ส่วนของผมจะนำมาใช้กับ Raspberry Pi 4 เพื่อจะติดตั้ง Home Assistant อาจจะมีคนสงสัย ทำไมไม่ไปใช้งานผ่านทาง SSD เลยละ! เพิ่มงบอีกไม่เท่าไหร่เอง เนื่องจากต้องการให้ Raspberry Pi ยังมีขนาดเล็กเหมือนเดิม ประหยัดพื้นที่ เคลื่อนย้ายสะดวก พิมพ์มาตั้งนานแระ ไปดูคลิปรีวิวกันเลยดีกว่า ทดสอบความเร็วเปรียบเทียบกับ Sandisk ultra ต่างกันหลายเท่าตัวเลย