Posts

ตอนนี้ที่บ้านมี Openmediavault ใช้งานอยู่ 2 เครื่อง ปกติแล้วจะใช้วิธี login เข้าไปแต่ละเครื่องเพื่อจะ monitor ว่ามันยังทำงานดีอยู่นะ ไม่มีอะไรผิดปกติใช่ไหม แต่เมื่อเรามี Home Assistant อยู่แล้ว มันก็คงจะดีไม่ใช่น้อย ถ้าเกิดเราสามารถเชื่อมต่อกันได้ โดยการเชื่อมต่อจะใช้งานผ่านทาง HACS ( วิธีติดตั้ง HACS ) Integrations มีชื่อว่า “OpenMediaVault” ส่วนความสามารถมีดังนี้ อ่านเพิ่มเติม Filesystem usage sensors System sensors (CPU, Memory, Uptime) System status sensors (Available updates, Required reboot and Dirty config) Disk and smart sensors วิธีติดตั้ง OpenMediaVault เข้าไปที่ HACS เมนู Integrations จากนั้นค้นหา OpenMediaVault เมื่อติดตั้งเรียบร้อย ทำการ restart Home Assistant เข้าไปเมนู Configuration -> Integrations -> Add ค้นหาชื่อ OpenMediaVault กรอกข้อมูล ip, username, password เครื่อง Openmediavault จากนั้นกด submit ** อย่าลืมติ๊ก verify_ssl ออกด้วย กรณี Openmediavault ของเราเป็นแบบ http* 5. ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด ตอนนี้ entities ของ Openmediavault ควรจะเชื่อมต่อเข้ามาแล้ว Openmediavault เครื่อง 1Openmediavault เครื่อง 2 หลังจากนี้เราก็สามารถใช้ประโยชน์จาก entities ต่างๆ เพื่อจะใช้งาน automation เช่น แจ้งเตือนเมื่อ CPU load, Memory เยอะ หรือจะแจ้งเตือน อุณหภูมิ HDD สูงผิดปกติก็ได้เหมือนกัน ...

ที่บ้านจะใช้แปรงสีฟันไฟฟ้าของ Xiaomi อยู่แล้ว ซึ่งตัวเก่าจะเป็นรุ่น SO WHITE EX3 หลังจากใช้งานมานานพอสมควร อยู่ดีๆ มันก็เปิดใช้งานไม่ได้! ก็เลยจำเป็นต้องหาซื้อใหม่ ซึ่งไปเจอรุ่น Mijia T100 ราคาไม่ต่างกัน แถมมีสีชมพู (เจ้าของแปรงอยากได้สีเดิม) อีกอย่างนึงคือมันชาร์จแบตฯ ผ่านทาง micro usb ค่อนข้างจะสะดวกกว่าตัวเก่าพอสมควร อุปกรณ์ภายในกล่อง ตัวแปรงสีฟัน หัวแปรงสีฟัน สายชาร์จแบบ micro usb หัวแปรงเขาจะแยกแพคเกจออกไป เพื่อป้องกันความสะอาด เมื่อเราแกะออกมา สามารถนำไปสวมกับหัวแปรงได้เลย โดยส่วนของหัวแปรงนั้น สามารถหาซื้อเปลี่ยนได้ ราคาอยู่ประมาณ 99 บาท ต่อ 3 ชิ้น ตรงส่วนท้ายของแปรงสีฟัน สามารถเปิดได้ เป็นส่วนของการชาร์จแบตฯ ซึ่งเราสามารถใช้สาย micro usb ที่แถมในกล่องเสียบได้เลย ไฟแสดงสถานะการชาร์จก็จะโชว์ดังรูป การทำงานของตัวเครื่อง ปุ่มแรก ไว้สำหรับเปิด เปลี่ยนโหมด และก็ปิดตัวเครื่อง ไฟดวงแรก บอกสถานะการทำงานโหมดที่ 1 ไฟดวงสอง บอกสถานะการทำงานโหมดที่ 2 ไฟดวงสุดท้าย คือสถานะของแบตฯ ต่อไปคือข้อดีที่เห็นได้ชัดเลย เมื่อเทียบกับรุ่นเก่า คือมันสามารถวางแนวตั้งได้ ถ้าเป็นตัวเก่าต้องวางนอนไปกับพื้น ซึ่งบางทีมันก็ชอบกลิ้งตก 555

หลังจากได้ติดตั้ง Openmediavault โน๊ตบุ๊คเก่า ( อ่านเพิ่มเติม ) ปัญหาที่ตามมาคือ ถ้าเราพับหน้าจอ ตัวเครื่องจะเข้าสู่ Hibernate mode แล้วก็จะปิดตัว service ทุกอย่าง ซึ่งการจะเปิดหน้าจอทิ้งไว้ มันก็เปลืองไฟโดยใช่เหตุ ก็เลยเป็นที่มาของบทความนี้นั้นเอง วิธีปิด Hibernate mode เริ่มต้นโดยการ SSH เข้าไปที่ตัวเครื่อง Openmediavault จากนั้นใช้คำสั่ง sudo systemctl mask sleep.target suspend.target hibernate.target hybrid-sleep.target จะมี output ออกมาประมาณนี้ Created symlink /etc/systemd/system/sleep.target → /dev/null. Created symlink /etc/systemd/system/suspend.target → /dev/null. Created symlink /etc/systemd/system/hibernate.target → /dev/null. Created symlink /etc/systemd/system/hybrid-sleep.target → /dev/null. ทำการ reboot sudo reboot SSH เข้าไปตัวเครื่องอีกครั้ง ลองเช็คสถานะการปิด Hibernate mode ด้วยคำสั่ง sudo systemctl status sleep.target suspend.target hibernate.target hybrid-sleep.target ...

สำหรับ Openmediavault เป็น network attached storage (NAS) ที่ทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Debian Linux ซึ่งมี service SSH, (S)FTP, SMB/CIFS, DAAP media server, RSync, BitTorrent client และอื่นๆอีกมากมาย รายละเอียด โดยวันนี้ผมจะมาแนะนำวิธีติดตั้งบนโน๊ตบุ๊คเก่า นอกจากมันจะทำงานเป็น NAS ได้แล้ว เรายังสามารถใช้ประโยชน์จาก Debian Linux เพื่อทำการติดตั้ง Docker container ซึ่งอาจจะแนะนำวิธีในโอกาสต่อไป

ตอนนี้ใช้งาน raspberry pi 4 สำหรับ run docker ซึ่งก็มีจำนวน container ทำงานอยู่พอสมควร เพราะคิดว่าซื้อมาแล้ว ต้องใช้งานให้มันคุ้มค่าซิ! แต่เมื่อ container เริ่มเยอะ เครื่องมันก็จะเริ่มช้า! เราก็เลยอยากรู้ว่า container ตัวไหนใช้งาน cpu หรือ memory เยอะผิดปกติ ซึ่งเราสามารถใช้คำสั่ง docker stats docker stats ไม่แสดงผล memory usage อย่างที่เห็นดังรูปข้างบน MEM USAGE / LIMIT และ MEM % จะไม่แสดงผล ก็เลยไปลองหาข้อมูลจนเจอวิธีแก้ปัญหาดังกล่าว เลยคิดว่านำมาแชร์ เพื่อจะเป็นประโยชน์ วิธีแก้ปัญหา ทำการ backup cmdline.txt ไว้ก่อนเลย เผื่อมีอะไรผิดพลาด จากนั้นเข้าไปแก้ไขไฟล์ cmdline.txt ได้เลย sudo cp /boot/cmdline.txt /boot/cmdline.txt.old sudo nano /boot/cmdline.txt เมื่อเข้าไปในไฟล์ cmdline.txt เราจะเจอแบบข้างล่าง console=serial0,115200 console=tty1 root=PARTUUID=eb9dd260-02 rootfstype=ext4 elevator=deadline fsck.repair=yes rootwait ทำการแก้ไข โดยเพิ่มคำสั่ง cgroup_enable=cpuset cgroup_memory=1 cgroup_enable=memory ต่อท้าย rootwait ...

ปัจจุบันหุ่นยนต์ดูดฝุ่นของแบรนด์ Xiaomi มีหลายรุ่น หลายราคา ตั้งแต่หลักพันยันหลักหมื่น แต่สำหรับวันนี้ผมจะมานำเสนอ รุ่นเริ่มต้น ถูกที่สุด! โดยราคาอยู่ในช่วง 3,500 - 3,900 บาท ชื่อรุ่นว่า Xiaomi Robot Vacuum Mop G1 (MJSTG1) สามารถทำอะไรได้บ้าง ? คุ้มไหมที่จะซื้อ ? ข้อสังเกต เนื่องจากตัวเครื่องเป็นเวอร์ชั่นจีน อาจจะไม่สะดวกสำหรับการใช้งาน เครื่องไม่สามารถจำกัดพื้นที่เข้าทำงานได้ เช่น บางจุดเราอาจจะไม่ต้องการให้ดูดฝุ่น เครื่องจะไม่สามารถหลีกเลี่ยงวัตถุเป็นแท่งขนาดเล็ก เช่น ขาตู้ ขาเตียง หรือเสาขนาดเล็ก กรณีใช้งานแบบถูพื้น และดูดฝุ่นพร้อมกัน ต้องมั่นใจว่าพื้นที่ต้องไม่มีฝุ่นเยอะจนเกินไป

หลังจาก Cloudflare ประกาศให้ใช้งาน Argo Tunnel แบบฟรี! ตอนแรกอ่านข่าวจาก blognone ก็ไม่รู้หรอกว่ามันคืออะไร แต่พอได้อ่านรายละเอียดแบบคร่าวๆ ทำให้เข้าใจได้ว่า มันคือบริการที่จะทำให้ Server ของเราออกสู่อินเทอร์เน็ตได้โดยไม่ต้องมี Public IP ต้องเล่าย้อนกลับไปก่อนว่า host teeratech นั่นทำงานอยู่บน raspberry pi 4 ซึ่งวางอยู่ที่บ้าน โดยใช้งานผ่าน true internet จากนั้นใช้วิธี forward port router ออกไปเพื่อจะใช้งานกับ cloudflare ซึ่งทำการผูก domain ไว้เรียบร้อยแล้ว teetech version เก่า แต่เมื่อมี Argo Tunnel ให้ใช้งานแบบฟรีๆ ก็ไม่รอช้าที่จะเปลี่ยนไปใช้ทันที ซึ่งตอนนี้ตัวเว็บ teetatech ก็ทำงานผ่านทาง Argo Tunnel ซึ่งยังคง run อยู่บน raspberry pi 4 เหมือนเดิม สิ่งจำเป็นต้องมีก่อนการใช้งาน Argo Tunnel Domain ซึ่งเป็นโดเมนที่เปลี่ยน nameservers ไปใช้งาน cloudflare เรียบร้อยแล้ว ( รายละเอียด ) Client หรือ Server สำหรับ Install cloudflared ซึ่งผมจะใช้เป็น raspberry pi 4 ( รายละเอียด ) เริ่มขั้นตอนใช้งาน Argo Tunnel ...

สำหรับคนที่ใช้งาน Home Assistant คงจะเจอกับปัญหาดูกล้อง Realtime แล้วมีอาการทำไมภาพมันช้ากว่าความเป็นจริงประมาณ 10 วินาที ซึ่งผมก็เจอปัญหาเหมือนกัน ช่วงหลังก็เลยเลี่ยงไปใช้งานแบบ MJPEG ซึ่งสามารถดูได้แบบ Realtime กว่าแบบ RTSP แต่ปัญหาคือกล้อง IP Camera ทุกตัวก็ไม่ได้ Support MJPEG แล้วเราจะแก้ปัญหาเรื่องนี้ยังไงดีละ WebRTC ย่อมาจาก Web Real-Time Communication เป็นการสื่อสารข้อมูลแบบ Realtime ผ่าน Web Browser ที่รองรับมาตรฐาน HTML5 ซึ่งจะมองว่าเป็น Protocol ไว้สำหรับส่งข้อมูล Multimedia จำพวกเสียง และ วีดีโอ ก็ได้เหมือนกัน สำหรับ WebRTC ที่จะติดตั้งบน Home Assistant จะเป็นรูปแบบของ Custom Component เพื่อความสะดวกในการติดตั้ง แนะนำให้ติดตั้ง HACS ก่อนเลย ( วิธีติดตั้ง HACS ) เข้าใช้งาน HACS -> integrations -> Custom repositories -> Add custom repository URL ให้นำข้อความข้างล่างกรอกลงไป ...

จะดีแค่ไหนถ้าเราสามารถนำกล่อง android tv ไปติดตั้งใช้งานในรถยนต์ ได้เหมือนใช้งานภายในบ้าน + ที่บ้านมีกล่อง mi box 3 ทิ้งไว้เฉยๆ ไม่ได้ใช้งาน + รถยนต์มีช่อง hdmi input พอดี เลยทำให้เกิดการ DIY ในครั้งนี้ครับ เริ่มต้นที่ mi box 3 ใช้งานไฟบ้าน ผ่านทาง adapter จ่ายไฟขนาด 5.2V, 2.1A ถ้าจะเอา adapter ไปใช้งานในรถเลย มันก็จะก่อความยุ่งยาก ต้องหาอุปกรณ์แปลงไฟรถยนต์ เพื่อใช้งานกับ adapter เดิม ปลายสาย adapter mi box 3 จะมีขนาด 4.0mm * 1.7mm ก็เลยลองหาในร้านค้าออนไลน์ ว่ามีสาย usb to dc 4.0mm * 1.7mm บ้างไหม จนไปเจอร้านนึงใน lazada ราคาก็ไม่แพงประมาณ 50 บาท ลองสั่งมาดูเลยแล้วกัน เมื่อสินค้ามาถึงลองเสียบใช้งานได้พอดีเลย ทดสอบใช้ power bank จ่ายไฟผ่านทาง port usb สามารถใช้งานได้ เครื่องเปิดได้ปกติ แม้ว่าตัวสเปคเครื่องต้องการไฟ 5.2V, 2.1A ถือว่าเป็นข่าวดี ลองไปติดตั้งในรถยนต์กันเลย การติดตั้งในรถยนต์ก็ไม่มีอะไรยาก hdmi mi box เชื่อมต่อ hdmi input ของรถยนต์ ส่วนสายจ่ายไฟ mi box ก็นำไปเชื่อมต่อ port usb ของรถยนต์ได้เลย (กรณีไม่มีอาจจะใช้ adapter usb ผ่านทางช่องจุดบุหรี่ก็ได้เหมือนกัน) หลังจากติดตั้งเรียบร้อยแล้ว ปรับ input ของตัวจอรถยนต์เป็น hdmi แค่นี้ก็พร้อมใช้งาน mi box 3 บนรถยนต์แล้ว ลองใช้งาน netflix รับชมได้ปกติ ถือว่าคุ้มค่าแก่การ DIY มากๆ เพื่อความบันเทิงแก่คนนั่งข้างๆ จะได้ไม่เบื่อ 555 สรุปหลังจาก DIY ...

ตอนนี้สำหรับคนที่ใช้งานมือถือ android น่าจะเคยประสบปัญหาเหมือนกันคือ มือถือรุ่นใหม่ๆ สายชาร์จจะเป็นแบบ Type-c กันหมดแล้ว แต่เรายังมี Gadget หรืออุปกรณ์เชื่อมต่ออื่นๆที่ยังใช้งานสายชาร์จแบบ Micro-usb เช่น power bank, redmi airdots อื่นๆ สำหรับแนวทางแก้ไขปัญหาเรื่องนี้ ก็สามารถไปได้หลายทาง เช่น เอาสายชาร์จ Micro-usb เก่ามาใช้งานซิ หรือซื้อสายชาร์จแบบ 3 in 1 ที่มีหัว Micro-usb ซิ แล้วแต่เลย ว่าใครชอบแบบไหน แต่สำหรับวันนี้ผมจะมาแนะนำ และรีวิวเจ้าอะแดปเตอร์ เพื่อแปลงจาก Type-c เป็น Micro-usb หน้าตาของ Packaging ดูแน่นหนา แข็งแรง ตามมาตรฐานของแบร์น Ugreen (งานเขาค่อนข้างดีอยู่นะ ถ้าเทียบกับแบร์นจีนอื่นๆ) เมื่อแกะ Packaging ออกมาก็จะเจอกับ อะแดปเตอร์, สายคล้อง และก็คู่มือ ปกติเราก็ไม่ค่อยอ่านกันหรอก ขนาดของอะแดปเตอร์เล็กมาก เมื่อเทียบกับเหรียญ 5 บาท แนะนำใช้สายคล้องที่แถมมาในกล่องแขวนไว้เลย เพื่อป้องกันมันหาย ส่วนจะเอาไปคล้องกับอะไร ก็แล้วแต่สะดวกเลย ไม่ว่าจะเป็นพวงกุญแจ หรือมือถือก็ได้ ต่อไปมาลองใช้งานจริงกันเลยดีกว่า โดยผมจะใช้งานสำหรับชาร์จ redmi airdots ซึ่งตัวนี้ยังเป็นรูชาร์จแบบเก่าอยู่เลย นั้นก็คือ Micro-usb ใช้งานได้ปกติ สังเกตได้จากไฟแสดงสถานะการชาร์จสีแดงหน้าเครื่อง นอกจาก support การชาร์จแล้ว อะแดปเตอร์ยัง support การ sync data ด้วยนะ ส่วนราคาเจ้าอะแดปเตอร์นั้นอยู่ประมาณ 50-70 บาทแล้วแต่ช่วงเวลา สามารถสั่งได้จากร้าน Ugreen Official Store ได้เลย ...